เป็นคำถามคลาสสิกที่นักวางแผนการเงินทั่วโลกถกเถียงกันมานาน และคำตอบที่ถูกต้องที่สุดมักจะเป็น “ทำควบคู่กันไปอย่างมีกลยุทธ์” ไม่ใช่การเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งแบบ 100% ครับ
แต่ถ้าอยากจะปลดหนี้ก่อน แล้วค่อยเริ่มออมก็ทำได้เหมือนกัน แต่ทางที่ดีถ้าหากทำไปพร้อมๆกันได้ก็จะดีมากครับ
กลยุทธ์ที่ถูกต้อง: ออม "จำเป็น" คู่กับการปลดหนี้ "ดอกเบี้ยสูง"
หัวใจของกลยุทธ์นี้คือการจัดลำดับความสำคัญของเงินแต่ละบาทที่คุณหามาได้ โดยแบ่งเป็น 3 เสาหลัก
เสาหลักที่ 1: สร้างฐานราก (ออมเพื่อความมั่นคง)
คุณต้องออมเงินก้อนแรกนี้ ก่อน ที่จะนำเงินทั้งหมดไปโปะหนี้ เพราะคุณต้องการตาข่ายนิรภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
สิ่งที่ต้องทำ | เหตุผล |
ออมเงินสำรองฉุกเฉิน (Mini-Emergency Fund) | เก็บเงินก้อนแรกให้ได้เท่ากับ 1-3 เดือน ของค่าใช้จ่ายจำเป็นรายเดือน เพื่อเป็น “เกราะป้องกัน” ไม่ให้ต้องไปพึ่งพาบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลอีกเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน (เช่น รถเสีย ค่ารักษาพยาบาล) |
ชำระหนี้ขั้นต่ำ | ต้องมั่นใจว่าคุณชำระหนี้ทั้งหมดที่มีให้ครบถ้วนตามกำหนด อย่างน้อยตามยอดขั้นต่ำ (Minimum Payment) เพื่อไม่ให้เสียเครดิตและโดนค่าปรับหรือดอกเบี้ยเพิ่ม |
เสาหลักที่ 2: โจมตีหนี้ร้าย (ปลดหนี้ดอกเบี้ยสูง)
หลังจากมีเงินฉุกเฉินก้อนเล็ก ๆ แล้ว ให้พุ่งเป้าไปที่การลดภาระดอกเบี้ยที่กัดกินเงินของคุณ
กลยุทธ์ | รายละเอียดและลำดับความสำคัญ |
ใช้กลยุทธ์ Snowball หรือ Avalanche | 1. (แนะนำที่สุด) Avalanche Method: โปะหนี้ที่มี อัตราดอกเบี้ยสูงที่สุด ก่อน (เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล) เพราะการลดดอกเบี้ยก้อนนี้คือ ผลตอบแทนที่แน่นอนที่สุด ที่คุณจะได้รับ (เท่ากับดอกเบี้ยที่คุณประหยัดได้) |
เปรียบเทียบผลตอบแทน | หลักการ: โปะหนี้เมื่อ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ($\text{r}_\text{debt}$) สูงกว่า ผลตอบแทนที่คุณคาดหวังจากการลงทุน ($\text{r}_\text{invest}$) (เช่น ถ้าหนี้บัตรเครดิต $25\%$ คุณไม่ควรนำเงินไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย $8\%$) |
เจรจาหรือรวมหนี้ | สำหรับหนี้ดอกเบี้ยสูง ควรพิจารณา รีไฟแนนซ์ หรือ รวมหนี้ ไปยังสินเชื่อที่ดอกเบี้ยต่ำกว่า เพื่อลดภาระดอกเบี้ยโดยรวม |
เสาหลักที่ 3: ออมและลงทุนเพื่ออนาคต (Growth and Long-Term Security)
เมื่อหนี้ดอกเบี้ยสูงหมดไปแล้ว หรือหนี้ที่เหลือมีดอกเบี้ยต่ำ (เช่น หนี้บ้าน):
สิ่งที่ต้องทำ | เหตุผล |
ขยายกองทุนฉุกเฉิน | ออมเงินฉุกเฉินให้เต็มที่ที่ 3-6 เดือน ของค่าใช้จ่ายประจำเดือน หรือมากพอจนคุณรู้สึกมั่นคง |
ออมเพื่อเกษียณ | เริ่มจัดสรรเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตสูงขึ้น (เช่น หุ้น กองทุนรวม) แม้ว่าจะมีหนี้บ้านเหลืออยู่ เพราะ เวลา (Time in the market) คือกุญแจสำคัญในการลงทุน และผลตอบแทนจากตลาดหุ้นในระยะยาวมักจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยบ้าน ($\text{r}_\text{invest} > \text{r}_\text{house debt}$) |
ปลดหนี้บ้าน | หากอัตราดอกเบี้ยบ้านสูงกว่าผลตอบแทนที่คุณคาดหวังจากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ หรือคุณต้องการความรู้สึกปลอดโปร่งทางจิตใจ การโปะหนี้บ้านเพิ่มก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ควรทำหลังจากมีเงินออมฉุกเฉินครบถ้วนแล้ว |
ข้อสรุป
สถานการณ์ | ควรทำอย่างไร? |
มีหนี้ดอกเบี้ยสูง ($15\%-25\%$ เช่น บัตรเครดิต) | ปลดหนี้ให้เร็วที่สุด (หลังจากสร้างเงินฉุกเฉินก้อนแรกแล้ว) การโปะหนี้เหล่านี้คือ “ผลตอบแทนที่การันตี” ดีกว่าการเสี่ยงลงทุน |
ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉินเลย | ออมก่อน! (1-3 เดือน) การมีหนี้แล้วไม่มีเงินฉุกเฉิน เป็นการเงินที่เปราะบางที่สุด |
มีหนี้ดอกเบี้ยต่ำ (ต่ำกว่า $5\%$ เช่น หนี้บ้าน/รถ) | ออมและลงทุนควบคู่ไปกับหนี้ เพราะการปล่อยให้เงินทำงานในสินทรัพย์ที่เติบโตได้นานกว่า อาจให้ผลตอบแทนโดยรวมที่ดีกว่าการรีบโปะหนี้ |
กุญแจสำคัญ | วินัย ในการชำระหนี้และ เริ่มต้นออม ตั้งแต่วันนี้ คือเส้นทางเดียวที่จะนำไปสู่อิสรภาพทางการเงิน |
ถ้าหากทำตามนี้ได้ไม่ต้องถูกหวยไวก็สามารถปลดหนี้พร้อมกับออมเงินไปได้ในเวลาเดียวกันครับ
No responses yet